นับตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่ นายชูวิทย์ ออกมาแฉเรื่องตู้ห่าว และกลุ่มจีนเทาที่มาบุกยึดประเทศไทย เป็นฐานที่มั่นในการเสวยสุข และก่ออาชญากรรม
ล่าสุดตำรวจไซเบอร์สนธิกำลังไปจับกุมแก๊งจีนเทาก่ออาชญากรรมข้ามชาติได้อีก 2 คน ในหมู่บ้านหรู โดยปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจใช้ชื่อว่าปฏิบัติการ trust no one ล่าข้ามโลก เพราะแก๊งนี้ตระเวนหลอกลวงให้เหยื่อจากหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก หลงเชื่อร่วมลงทุนเทรดสกุลเงินดิจิทัลก่อนจะเชิดเงินหนีไป
โดยตำรวจได้รับแจ้งความว่า มีคนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งนี้ 3 คน สืบเส้นทางการเงินจนได้รู้ว่า เจ้าของบัญชีดิจิทัลหรือวอลเล็ต เป็นคนลาว ส่วนคนที่บริหารเงินบริหารบัญชีวอลเลตคือคนจีน 2 คน ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน อายุแค่ 25 กับ 31 ปี และอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหรู ย่านศรีนครินทร์ประเทศไทย จึงได้ขอศาลออกหมายจับและหมายค้น บ้านหรู 5 หลัง ซึ่งทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาได้ มีทั้งรถหรู, โฉนดที่ดิน, กระเป๋าแบรนเนม, ของแบรนด์เนม, เหล้าราคาแพง, ทองคำ, เงินสด, ตุ๊กตาแบรบริก และเงินที่ยังอยู่ในกระเป๋าเงินวอลเลท รวมแล้วกว่า 600 ล้านบาท
ตำรวจไซเบอร์ บุกค้นบ้านหรูทลายแก๊งจีนคริปโต เตรียมแถลงสี่โมงเย็น
"ชูวิทย์" เปิดโปง!แก๊งจีนเทา 14K เป็นมาเฟีย
จากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตรคำพูดจาก เว็บตรง. นำแถลงข่าวด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีคนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งค์ไฮบริดสแกม ไม่ต่ำกว่า 20,000 คดีมูลละค่าความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมระดับสั่งการ หรือระดับนายใหญ่ได้เลย ถือว่าเป็นการตัดตอนแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติรายหนึ่งเลย
ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การตรวจค้นบ้านหรู 5 หลัง ปรากฎว่านิติบุคคลของหมู่บ้านให้เบาะแสเพิ่มเติมว่า จีนเทาแก๊งนี้ไม่น่ามีบ้านหรูแค่ 5 หลังนี้ แต่น่าจะมี 19 หลัง ถูกซื้อโดยนอมินีคนไทย 2 สามีภรรยา ส่วนที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นนอมินี เพราะทั้งคู่มีอาชีพเพียงเปิดร้านขายของชำ แต่กลับมีชื่อจดทะเบียนบริษัทซื้อบ้านให้จีนเทาแบบนี้ถึง 47 บริษัท ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ
เบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบวอลเล็ตของแก๊งนี้พบว่ามีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท ล่าสุดตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการขยายผล บอกว่า เดี๋ยวมีก๊อก 2 มาอีก
นอกจากนั้น ยังมีการจับกุม เครือข่ายฟอกเงินจีนเทา ที่จังหวัดชลบุรี โดยเป็นเครือข่ายฟอกเงินแก๊ง Call Center มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับรายสำคัญคือ นายชู อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ฟอกเงินของขบวนการแก๊ง call center ซึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา
ซึ่งจากการสืบสวนยังทราบว่า นายชู มีหน้าที่นำเงินที่แก๊ง call center หลอกลวงประชาชนมาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล หรือติดต่อคนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้าซื้อทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์ด้วย